สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรม

“กุ๊ก” ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช เดินหน้าต่อยอด IDA Platform ยกระดับกระบวนการผลิตสู่ Industry 4.0

       บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด หนึ่งในผู้นำการผลิตน้ำมันพืชที่มีศักยภาพสูงสุดในเอเชีย ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันพืชและกากพืชน้ำมัน เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์และปศุสัตว์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ปี พ.ค. 2517 ณ. อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ด้วยนโยบายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน บริษัทฯ จึงได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในเวลาต่อมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2553 บริษัทฯ ได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตนับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ที่คณะผู้บริหารได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตของโรงงานโดยเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงถึง 2,500 ตันเมล็ดถั่วเหลืองต่อวัน

       คุณอดุลย์ เปรมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์และน้ำมันพืช ภายใต้แบรนด์ “กุ๊ก” เผยว่า “IDA Platform ได้จุดประกายการเริ่มต้นยกระดับภาคการผลิตของบริษัท จากเดิมที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร หลังจากการเข้าร่วมเป็นโครงการนำร่องใช้งาน IDA Platform โดยได้รับการสนับสนุนจาก สวทช และบริษัทร่วมลงทุนเองเพิ่มเติมกว่า 9 แสนบาทเพื่อต่อยอดสู่ IDA TVOP Platform ประยุกต์ใช้ในงานส่วนอื่นของบริษัท เนื่องจากผลที่ได้จาก IDA Platform ตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของบริษัท”

เริ่มแรกบริษัทได้หารือร่วมกับทีมเพื่อเลือกเครื่องจักรที่มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตมากที่สุด ทั้งในบริบทของผลกระทบที่เกิดขึ้นหากเครื่องจักรเสียหาย ระยะเวลาในการซ่อมแซม โดยติดตั้งสำหรับอุปกรณ์จาก IDA Platform และ Sensor ตรวจวัดความผิดปกติของของเครื่องจักร เช่น Vibration Transmitter-วัดการสั่นสะเทือนของมอเตอร์ Temperature Transmitter-วัดอุณหภูมิภายในมอเตอร์ Pressure Transmitter-ตรวจวัดแรงดันเพื่อดูการตันของระบบหล่อลื่นน้ำมัน Power Meter อุปกรณ์สำหรับวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และเชื่อมต่อข้อมูลจากฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งเข้ากับระบบ URCONNECT จากนั้นส่งข้อมูลทั้งหมดจาก Node Red ผ่านระบบ Internet ไปยัง NEXPIE ที่เป็น Cloud Server

จากเดิมที่เมื่อเกิดความเสียหายกับเครื่องจักรจะซ่อมแซมเป็นรายครั้ง กระทบความต่อเนื่องของการผลิต เมื่อมีข้อมูลจาก IDA Platform ทำให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลแบบ Real-time เพื่อเข้าแก้ไข หรือ หยุดการทำงานของเครื่องจักรก่อนเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ค้นหาจุดบกพร่อง หรือดูแนวโน้มปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเพื่อคาดการณ์และป้องกันการเกิดเหตุซ้ำในอนาคต

บริษัทฯ ได้ต่อยอดประโยชน์จากส่วนนี้ในการสร้างระบบแจ้งเตือนแบบเฉพาะเจาะจง เมื่อเกิดความผิดปกติที่ทำให้กระบวนการผลิตหยุดชะงัก กระทบกับคุณภาพของสินค้า ที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าตรวจสอบและแก้ไขในทันที

“ก่อนหน้านี้เคยมีกระเปาะน้ำมันชำรุดโดยที่ไม่มีใครรู้ ส่งผลให้เกียร์เกิดความเสียหายกระทบต่อการผลิตในระยะเวลากว่า 4 เดือน ที่ต้องลดกำลังการผลิตลง มีค่าอะไหล่และซ่อมแซมประมาณ 6 แสนบาท เมื่อเราประยุกต์ใช้ IDA Platform หากมีสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับน้ำมัน เราจะสั่งหยุดมอเตอร์ทันที ช่วยป้องกันก่อนเกิดความเสียหายมาแล้วหลายครั้ง” คุณอดุลย์ กล่าวเสริม

ในด้านการจัดการพลังงาน บริษัทฯ สามารถตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้าเทียบกับมาตรฐานในแต่ละกระบวนการผลิต เพื่อปรับปรุงหรือวางแผนการใช้พลังงานให้เหมาะสม ทำให้สามารถลดค่าพลังงาน ประหยัดต้นทุนไฟฟ้าในแต่ละส่วนการผลิตลงได้ อีกทั้งบริษัทกำลังต่อยอดนำข้อมูลพลังงานจาก IDA Platform มาประมวลผลสร้างรายงานดิจิทัลแบบอัตโนมัติ รวมถึงเพิ่มเติมการประมวลผลค่า Carbon Footprint และ Carbon Credit อีกด้วย

นอกจากนี้ Dashboard แบบ Real-time จาก IDA Platform ยังช่วยเป็นฐานในการวางแผนการทำงานของบุคลากรในช่วง COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณอดุลย์ เล่าว่า “ในช่วง COVID-19 บริษัทยังสามารถดำเนินการได้ปกติ เนื่องจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สามารถดูข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ เราจึงปรับเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ในรูปแบบ 4-2-2 คือ เข้ามาทำงานที่บริษัท 4 วัน Work from home 2 วัน และหยุด 2 วัน หากเกิดปัญหาสามารถ remote online เข้ามาแก้ไขได้ทันที”

ขอบคุณข้อมูลจาก : ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC), สวทช.

ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช เดินหน้าต่อยอด IDA Platform ยกระดับกระบวนการผลิตสู่ Industry 4.0

 

       เทคโนโลยี 𝙄𝘿𝘼 𝙋𝙡𝙖𝙩𝙛𝙤𝙧𝙢 เป็นแพลตฟอร์มไอโอทีและระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม (INDUSTRIAL IOT AND DATA ANALYTICS PLATFORM: IDA PLATFORM) เป็นโครงการนําร่องสำคัญภายใต้ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) จากความร่วมมือระหว่าง ARIPOLIS-SMC สวทช., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และพันธมิตรรัฐร่วมเอกชนต่างๆ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ตรวจจับสัญญาณต่างๆ จากเครื่องจักรในกระบวนการผลิต สู่การวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทราบสถานะการทำงานของเครื่องจักร สามารถแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ช่วยโรงงานลดต้นทุนด้านพลังงานในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ

       นอกจากนี้แล้ว ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของบริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและการเปลี่ยนแปลง Digital Transformation จึงได้ให้ความสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนแนวคิดการบริหารงานและเสริมสร้างความรู้แก่บุคลากรในองค์กร โดยได้ร่วมฝึกอบรมในหลักสูตรสร้างเสริมศักยภาพผู้บริหารภาคอุตสาหกรรมไทยเพื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัล (Executive Program in Digitalization Industry of Thailand) หรือ หลักสูตร eDIT ซึ่งจะเป็นหลักสูตรสำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะ ที่เน้นการปรับแนวคิดด้าน Industry 4.0 ในโรงงาน เริ่มต้นอย่างไร Industry 4.0 ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การวางแนวคิด Smart factory  การทำ Digital Transformation การปรับกลยุทธ์ในการบริหารด้วยแนวคิด Data Driven Organization เป็นหลักสูตรที่เน้น Workshop ร่วมกับทีมโค้ช และผู้บริหารจะได้รับ Master Plan Industry 4.0 สำหรับโรงงานตนเอง สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

คุณอดุลย์ เปรมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด หนึ่งในผู้บริหารที่ร่วมเรียนในหลักสูตร eDIT รุ่นที่ 1 กล่าวว่า “หลักสูตร eDIT เป็นหลักสูตรที่แนะแนวทางที่เหมาะสมและตรงจุดให้กับอุตสาหกรรมภาคการผลิต ที่ควรมีและสามารถนำไปใช้ได้จริงในการปรับปรุงโรงงาน ทั้งเรื่องของ Mindset แผนระยะสั้น และระยะยาวได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในการปรับตัวเข้าสู่ยุค Industry 4.0”

“ในยุคที่ปลาเร็ว กินปลาช้า ที่คู่ค้าเราเปลี่ยน ลูกค้าเราก็เปลี่ยน ถ้าเราไม่เปลี่ยน ก็จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น เราจึงต้องมาทำความเข้าใจว่าเรื่องของ Industry 4.0 ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ไม่ใช่เรื่องของการลงทุนมูลค่าสูง มันเป็นเรื่องของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน” คุณอดุลย์ กล่าวเสริม

ที่มา: บทสัมภาษณ์จากประสบการณ์หลักสูตร eDIT – รุ่นที่ 1

Scroll to Top