
บริษัท สุวรรณอุตสาหกรรมปั่นทอ จำกัด ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ที่เริ่มต้นจากธุรกิจอุตสาหกรรมด้านทอผ้าตั้งแต่ปี 2513 ด้วยเครื่องทอผ้าจำนวน 30 เครื่องและได้รับขยายกิจการเรื่อยมาจนมีเครื่องทอผ้าแบบกระสวย 400 เครื่อง จากนั้นได้ขยายขอบข่ายธุรกิจสู่การผลิตเส้นด้ายที่มีคุณภาพสูง จำหน่ายให้กับโรงงานทอผ้าที่ผลิตผ้าผืนคุณภาพ และนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานทอผ้าของบริษัทฯเอง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2533 ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตด้วยการปรับเปลี่ยนเครื่องทอผ้าแบบกระสวยที่มีอยู่เดิมมาเป็นเครื่องทอผ้าแบบไร้กระสวย ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในวงการอุตสาหกรรมทอผ้าของไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยตัวบริษัทฯ เองที่ก่อตั้งมานานกว่า 50 กว่าปีแล้ว ทำให้รูปแบบการบริหารงานค่อนข้างเป็นยุคเก่า การตัดสินใจในธุรกิจอาศัยประสบการณ์ของผู้บริหารเป็นสำคัญ ซึ่งผู้บริหารยุคใหม่จึงต้องการที่จะปรับปรุงกระบวนการทำงานและจัดทำระบบการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานสามารถมีข้อมูลที่สะท้อนกับความเป็นจริงและเชื่อมโยงกันทั้งองค์กร เพื่อการตัดสินใจในธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับตลาดในปัจจุบันได้มากขึ้น
โดยในปี 2562 – 63 ทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ร่วมกับ สถาบัน ICTI, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงภาคอุตสาหกรรมด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดขึ้นจริง ภายใต้โครงการ depa Digital Transformation Funds โดยที่ SME ต้องมีการร่วมลงทุนอย่างน้อย 50% มีระยะเวลา 1 ปี
ซึ่งจากการดำเนินงานโครงการของบริษัท สุวรรณอุตสาหกรรมปั่นทอ จำกัด ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญได้มีการนำเสนอโซลูชั่นและแผนงานในการพัฒนาและปรับปรุงระบบ ERP ที่มีอยู่เดิม ให้ระบบสามารถทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับไลน์การผลิตได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อมุ่งเป้าให้การแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานทั้งองค์กร ทั้งในส่วนของการบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารจัดการงานขาย การบริหารจัดการทางการเงิน สามารถลดความผิดพลาดการสื่อสารในองค์กร การบริหารจัดการข้อมูลด้านเอกสาร การเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลการผลิต และเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลให้สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น

ภายหลังจากการดำเนินงานโครงการ และได้ติดตามผลมาสักระยะหนึ่ง พบว่า ผลการปรับปรุงระบบ ERP ที่มีอยู่เดิม และทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับไลน์การผลิตได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถลดมูลค่าของสินค้าคงคลังลงกว่า 38% จากอัตราเดิม ซึ่งจากเดิมในปี พ.ศ. 2561 มีมูลค่าสินค้าคงคลังกว่า 198 ล้านบาท คงเหลือ 121 ล้านบาทในปีถัดมา, สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรทางการเงินลงกว่า 75% ในปีแรก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,068,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งผู้บริหารได้คาดการณ์ว่าจากการที่กระวนการทำงานในทุกภาคส่วนสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดงานที่มีความซ้ำซ้อนลงได้ จะสามารถสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้นกว่า 2,500,000 บาทต่อปี
___________________________________________________
ตัวจริงเรื่อง New Technology for Industry วางใจ “สถาบัน ICTI”
ให้บริการโดย ICTI Alliance Partner, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สนใจร่วมเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของเรา
ติดต่อ @line: @icticlub / e-mail: fti.ictihub@gmail.com